
การแต่งกายถือเป็นวิธีหนึ่งที่แสดงถึงตัวตนและรสนิยมของผู้สวมใส่ ซึ่งแต่ละคนล้วนมีเสื้อผ้าชุดโปรดที่ช่วยเสริมความมั่นใจให้กับตัวเอง การดูแลถนอมเสื้อผ้าให้อยู่กับเราไปได้นานๆ นอกจากจะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายจากการซื้อเสื้อผ้าใหม่แล้ว ยังช่วยหลีกเลี่ยงการสนับสนุนอุตสาหกรรม “ฟาสท์ แฟชั่น” (fast fashion) ที่เน้นขั้นตอนการผลิตสินค้าแฟชั่นอย่างรวดเร็ว ราคาถูก ใช้งานได้ไม่นาน ซึ่งส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างมหาศาล จากขั้นตอนการผลิตที่ต้องใช้ทรัพยากรธรรมชาติต่างๆ เช่น น้ำ ปิโตรเลียม และถ่าน การปล่อยก๊าซเรือนกระจก และการสร้างขยะแฟชั่นที่เกิดจากการผลิตสินค้าจำนวนมาก เป็นต้น
ดังนั้นเรื่องของเคล็ดยืดอายุเสื้อผ้าตัวโปรดจึงเป็นเรื่องสำคัญ เพื่อให้ตอบโจทย์รักษ์โลกแบบ “สโลว์ แฟชั่น” (slow fashion) ที่ให้ความสำคัญในการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมเป็นหลัก ซึ่งผู้บริโภคทำตามได้ง่ายๆ เพื่อดูแลเสื้อผ้าชุดเก่งให้คงทน ลดปริมาณการซื้อเสื้อผ้าใหม่ๆ และยังเป็นการแสดงความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมในเวลาเดียวกัน ดังนั้นจึงมีเทคนิคที่แนะนำดังนี้

1.เลือกซื้อเสื้อผ้าคุณภาพดี คัตติ้งเนี๊ยบ ขั้นตอนแรกสุดในการดูแลเสื้อผ้าให้มีอายุยาวนานคือ การเลือกซื้อเสื้อผ้าที่มีเนื้อผ้าคุณภาพดีและการตัดเย็บที่พิถีพิถัน ซึ่งไม่จำเป็นต้องราคาแพงเสมอไป เคล็ดลับสำคัญคือการดึงผ้าเพื่อดูตะเข็บ หากเจอรอยตะเข็บที่ไม่ตรงแนวหรือแยกออกจากกัน แสดงว่าเสื้อผ้าชุดนั้นมีโอกาสในการชำรุดได้ง่าย และควรเลือกเสื้อผ้าที่มีรอยเย็บชายผ้าที่ได้มาตรฐาน โดยรอยเย็บชายผ้าสำหรับเสื้อควรกินพื้นที่ประมาณ 2 เซนติเมตร ในขณะที่กระโปรงและกางเกงควรมีพื้นที่ประมาณ 4 เซนติเมตร เพื่อป้องกันการหลุดรุ่ยง่าย
2.เลือกวิธีการดูแลเสื้อผ้าแต่ละประเภทให้ถูกวิธี แน่นอนว่าการดูแลรักษาเสื้อผ้าชุดโปรดให้สะอาดนั้นเป็นเรื่องสำคัญ แต่การซักบ่อยครั้งเกินไป ก็ทำให้ผ้าเสื่อมเร็วเช่นกัน เสื้อผ้าบางชนิดก็ไม่ได้ถูกออกแบบมาให้ทำความสะอาดด้วยการซักแบบทั่วไปได้ เช่น เสื้อสูท เสื้อหนัง การดูแลเสื้อผ้าให้เหมาะสมกับความต้องการเฉพาะจึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม ซึ่งในปัจจุบันก็มีนวัตกรรมในการดูแลเสื้อผ้าอย่างครบวงจรโดดเด่นด้วยเทคโนโลยีต่างๆ อย่าง TrueSteamTM ที่มอบประสบการณ์การดูแลเสื้อผ้าที่ต้องการการดูแลเป็นพิเศษแบบ 4-in-1 รวมไปถึงโปรแกรมการทำความสะอาดต่างๆ ที่สามารถขจัดสารก่อภูมิแพ้และแบคทีเรียในเสื้อผ้าหรือของใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โปรแกรมขจัดกลิ่นอาหารหรือกลิ่นอับในเสื้อผ้าได้ช่วยให้เสื้อผ้ามีกลิ่นหอมสดชื่นพร้อมใช้งานอยู่เสมอ โปรแกรมอบผ้าเปียกชื้นเล็กน้อยได้อย่างอ่อนโยนและดูแลเนื้อผ้าให้นุ่มฟู และโปรแกรมช่วยดูแลรักษาทรงจีบของกางเกงให้เรียบ

3.เลือกโปรแกรมการซักให้เหมาะสมกับเนื้อผ้า เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำความสะอาดสูงสุด พร้อมถนอมผ้าเพื่อการใช้งานระยะยาวได้ในขณะเดียวกัน ซึ่งเครื่องซักผ้าในปัจจุบันมีเทคโนโลยีที่นอกจากจะทำความสะอาดผ้าได้ล้ำลึกและอ่อนโยน ยังนำความล้ำหน้าของเทคโนโลยีมาช่วยวิเคราะห์ข้อมูลด้านพฤติกรรมการใช้งานผ่านบิ๊กดาต้า เพื่อนำเสนอรูปแบบการซักผ้าที่เหมาะสมที่สุดกับน้ำหนักและเนื้อผ้าแต่ละชนิด
4.อย่าใส่ผ้าเยอะจนแน่นถังซัก เนื่องจากเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เกิดคราบผงซักฟอกตกค้างและเสื้อผ้าเป็นขุย เพราะเมื่อใส่เสื้อผ้าปริมาณมากเกินไป เวลาซักเสื้อผ้าจะหมุนและถูเข้าด้วยกันจนทำให้เกิดแรงเสียดทาน และสร้างความเสียหายทำให้เกิดขุยผ้าได้ อีกวิธีป้องกันผ้าเสียหายที่ไม่ควรมองข้ามคือ การกลับตะเข็บเอาด้านในของเสื้อออกมาก่อนซัก และใส่เสื้อผ้าที่บอบบางลงในถุงตาข่ายซักผ้าเพื่อป้องกันการขีดข่วน พร้อมกับใส่ผ้าในถังซักตามความจุแนะนำของเครื่อง

5.เรียนรู้วิธีการซ่อมแซมเสื้อผ้าด้วยตนเอง เปลี่ยนวิธีจัดการกับเสื้อผ้าชำรุด แทนที่จะบริจาคหรือทิ้งทุกครั้งที่กระดุมเสื้อหลุดหายหรือชายกางเกงรุ่ย การเรียนรู้ทักษะในการซ่อมแซมผ้าง่ายๆ เช่น เย็บกระดุม ปัก หรือปะผ้า เป็นประโยชน์อย่างมากในการดูแลเสื้อผ้าตัวโปรดให้คงทนและนำกลับมาใช้งานได้อีกครั้งไม่ต่างกับตอนที่ซื้อมาใหม่ๆ และยังเป็นวิธีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย
ที่มา:sanook
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น