
ความสวยงามของไม้จริงนั้น นับว่าเป็นเสน่ห์ที่ดึงดูดให้ใครหลายคนอยากนำเอามาเป็นส่วนประกอบของบ้าน โดยเฉพาะ พื้นบ้าน วัสดุไม้ที่นำมาใช้ปูพื้นบ้านนั้น ก็ทำมาจากไม้หลากหลายประเภท ซึ่งแต่ละแบบก็มีคุณสมบัติและราคาที่แตกต่างกันไป
และหากคุณต้องการจะปูพื้นบ้านด้วยไม้จริงล่ะก็ คราวนี้ ในบ้าน ขอพาไปชมข้อมูลเบื้องต้นของ 5 ประเภทของวัสดุพื้นไม้จริง ลองมาดูกันเลยว่าแต่ละแบบนั้นมีลักษณะแบบไหน และมีความคงทนมากน้อยแค่ไหน
ก่อนอื่นมาทำความรู้จัก มาตราฐานความแข็งของพื้นไม้ Janka Scale กันก่อน
ความแข็งแรงของไม้แต่ละชนิด จะถูกกำหนดด้วย มาตราฐานความแข็งของพื้นไม้ หรือ Janka Scale เป็นการคำนวณโดย โดยการวัดแรงที่ใช้ในการกดลูกบอลเหล็ก (ขนาด 11.28 มม.) ลงในเนื้อไม้ให้ได้ครึ่งลูก ซึ่งเมื่อกดได้ครึ่งลูก ก็จะทำการวัดค่าความแข็งแรง ถ้าตัวเลขยิ่งสูงแสดงว่ายิ่งมีความทนทานมาก

1. ไม้โอ๊ค
ราคา : ฿
รูปลักษณ์ภายนอก : ไม้โอ๊คแดงจะมีโทนสีออกไปทางส้มๆ ที่ดูอบอุ่น (ภาพตัวอย่าง) ส่วนไม้โอ๊คขาวจะมีโทนสีที่ดูซีดเย็นกว่า
ค่าความคงทน (Janka Scale) : ไม้โอ๊คสีแดงมีค่าความคงทนอยู่ที่ 1290 ในขณะที่ไม้โอ๊คขาวมีค่าความคงทนอยู่ที่ 1360
สิ่งที่ควรรู้ : เนื่องจากไม้โอ๊คมีลักษณะเป็นไม้แบบเปิดผิวโชว์ลวดลาย ทำให้คราบสกปรกสามารถติดได้ง่ายและเท่ากันบนพื้นไม้โอ๊ค

2. ไม้เมเปิ้ล
ราคา : ฿
ลักษณะภายนอก : ไม้เมเปิ้ลนั้นมีพื้นผิวที่ค่อนข้างบาง และมักจะมีโทนสีออกไปทางสีเหลือง และจะมีโทนสีเข้มขึ้นเมื่อผ่านช่วงเวลาการใช้งาน
ค่าความคงทน (Janka Scale) : ไม้เมเปิ้ลมีค่าความคงทน 1450 นิยมใช้ในลานโบว์ลิ่ง
สิ่งที่ควรรู้ : ไม้เมเปิ้ลมีลักษณะพื้นผิวแบบปิดเนื้อผิว จึงทำให้ไม่ดูดซับความชื้นและไม่เปื้อนง่าย ใช้ได้กับห้องครัว ห้องนอน หรือห้องนั่งเล่น

3. ไม้ฮิคกอรี่
ราคา : ฿฿
ลักษณะภายนอก : ไม้ฮิคกอรี่มีสีสันของลวดลายไม้ที่ค่อนข้างจะหลากหลาย ให้อารมณ์แบบบ้านรัสติคได้ดีทีเดียว
ค่าความคงทน (Janka Scale) : ไม้ฮิคกอรี่มีค่าความคงทน 1820 เหมาะที่จะใช้ในห้องที่มีการใช้งานหนักๆ อย่างเช่นห้องครัวหรือห้องรับแขก
สิ่งที่ควรรู้ : เป็นไม้ที่ไม่ดูดซับความชื้นมากนัก เหมาะสำหรับใช้กับบ้านที่อยู่ใกล้ริมทะเลเป็นอย่างยิ่ง

4. ไม้เชอร์รี่
ราคา : ฿฿฿
ลักษณะภายนอก : ไม้เมเปิ้ลมีสีสันลวดลายเนื้อไม้ที่สวยงาม และมีโทนสีที่หลากหลาย จะมีความเข้มและแดงขึ้นเมื่อผ่านระยะเวลาการใช้งาน
ค่าความคงทน (Janka Scale) : ไม้เชอร์รี่มีค่าความคงทนเพียง 950 จึงเหมาะกับห้องที่ไม่เน้นการเหยียบพื้นมากนัก อย่างเช่นห้องนอน และหากเป็นไปได้ก็ควรปูพรมทับด้วย
สิ่งที่ควรรู้ : ไม้เชอร์รี่มีความไวต่อแสงแดดมาก และพื้นผิวจะถูกเปลี่ยนสภาพอย่างรวดเร็วหากต้องแสงแดดตลอดเวลา

5. ไม้วอลนัท
ราคา : ฿฿฿
ลักษณะภายนอก : ไม้วอลนัทมีโทนสีที่เข้มขรึม และมีการจัดเรียงที่สวยงาม ส่วนมากจากมีลวดลายพื้นผิวเป็นแพทเทิร์นเส้นตรง
ค่าความคงทน (Janka Scale) : ไม้วอลนัทมีค่าความคงทนอยู่ที่ 1010
สิ่งที่ควรรู้ : พื้นไม้วอลนัทมักจะพบได้ในบ้านเก่าๆ

หากเพื่อนๆ ชอบลวดลายของไม้แบบไหน ก็ลองเลือกและเอาไปเป็นแนวทางในการปูพื้นบ้านกันดูนะครับ
ที่มา:sanook
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น